สถานการณ์ราคาและปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม ก่อนและหลังการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560

Title: สถานการณ์ราคาและปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม ก่อนและหลังการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560Authors: กมลพัฒน์ มากแจ้ง และ สุลัดดา พงษ์อุทธาIssue Date: -Publisher: แผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการ เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ Abstract ตามพระราชบัญญัติสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 ได้มีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล จากระบบสองเลือกหนึ่งที่สูงกว่าระหว่างภาษีตามมูลค่า (ad valorem) หรือภาษี ตามปริมาตรเครื่องดื่ม เป็นระบบหนึ่งบวกหนึ่งคือภาษีตามมูลค่า (ad valorem) และภาษีตามปริมาณน้ำตาล (specific) อีกทั้ง ยังปรับฐานการคำนวณภาษีตามมูลค่าจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเป็นราคาขายปลีกแนะนำและกำหนดอัตราภาษีตามปริมาณน้ำตาลแบบก้าวหน้าตามปริมาณน้ำตาลที่มากขึ้นอีกด้วย (ตารางที่ 1) โดยภาครัฐคาดหวังว่าการปรับโครงสร้างภาษี ดังกล่าวจะทำให้เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงมีราคาแพงขึ้นและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำมีราคาถูกลงเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยรวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องดื่มอาจมีการปรับสูตรเครื่องดื่มให้มีน้ำตาลน้อยลง เพื่อลดต้นทุนจากภาษี อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้โครงสร้างและอัตราภาษีดังกล่าวในช่วง 2 ปีแรก (พ.ศ. 2560-2562)กรมสรรพสามิตมีเป้าหมายให้เป็นช่วงระหว่างการปรับตัวของอุตสาหกรรมและไม่เป็นการสร้างภาระแก่ผู้ประกอบการมากนัก

สถานการณ์การดื่มน้ำหวานสำเร็จรูปของคนไทย ถามมาตอบไปจากใจไทยทุกภาค

Title: สถานการณ์การดื่มน้ำหวานสำเร็จรูปของคนไทย ถามมาตอบไปจากใจไทยทุกภาคAuthors: สุลัดดา พงษ์อุทธาIssue Date: -Publisher: แผนงานงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการ เพื่อการเสริมสร้างสุขภาพ สำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพะหว่างประเทศ Abstract อยากรู้ไหมคนไทยดื่มน้ำหวานเท่าไหร่ ใครดื่มมากเกินและนักดื่มน้ำหวานจะทำอย่างไรเมื่อน้ำหวานไทยแพงขึ้น ข้อมูลที่ได้สำรวจมาจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 10 ปี ขึ้นไป จำนวน 1,696 คน ใน 9 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร นครนายก พระนครศรีอยุธยา น่าน เชียงใหม่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

สถานการณ์กฎหมายและข้อบังคับในประเทศไทยที่เป็นไปตามชุดข้อเสนอแนะว่าด้วยเรื่องการทำการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในเด็ก

Title: สถานการณ์กฎหมายและข้อบังคับในประเทศไทยที่เป็นไปตามชุดข้อเสนอแนะว่าด้วยเรื่องการทำการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในเด็กAuthors: -Issue Date: -Publisher: สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) Abstract ที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 61 โดยมติ WHA 61.14 ได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิก ดำเนินงานตามข้อปฏิบัติต่างๆตามแผนปฏิบัติการยุทธศาสตร์โลกเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ โดยสำนักเลขาธิการองค์การอนามัยโลกได้ประมวลคำแนะนำจากคณะผู้เชี่ยวชาญและข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และรับฟังความคิดเห็นจากประเทศสมาชิกเกี่ยวกับวัตถุประสงค์เชิงนโยบาย ทางเลือกนโยบาย และกลไกติดตามและประเมินผลนโยบาย ใน พ.ศ. 2552 มีประเทศสมาชิกทั้งสิ้น 66 ประเทศร่วมให้ข้อคิดเห็น โดยมีตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ตัวแทนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์โลกและตัวแทนธุรกิจโฆษณาเข้าร่วมด้วยจากการหารือดังกล่าว ประเทศสมาชิกเห็นว่าการทําการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในเด็กเป็นประเด็นสําคัญระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม นโยบายที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ มีความหลากหลายทั้งในเรื่องวัตถุประสงค์และเนื้อหา วิธีการ การติดตามประเมินผล ซึ่งประเทศสมาชิกหลายประเทศระบุว่าต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมในด้านการพัฒนา ติดตามและประเมินผลนโยบายด้วยเหตุนี้องค์การอนามัยโลกจึงจัดชุดข้อเสนอแนะว่าด้วยเรื่องการทําการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในเด็กเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นแนวทางแก่ประเทศสมาชิกในการกําหนดนโยบาย หรือเพิ่มประสิทธิภาพนโยบายเกี่ยวกับการสื่อสารการตลาดอาหารในเด็กเพื่อลดผลกระทบในเด็กจากการทําการตลาดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว กรดไขมันทรานส์ น้ําตาล หรือเกลือในปริมาณสูง สําหรับประเทศไทย ได้มีการกำหนดข้อบังคับ และกฎหมายเพื่อการควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในเด็กออกมามากมาย แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ข้อบังคับและกฎหมายดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับชุดข้อเสนอแนะข้างต้นมากน้อยเพียงใด ดังนั้นเอกสารฉบับนี้ จึงจัดทําเพื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ด้านข้อบังคับและกฎหมายในประเทศไทย ที่เป็นไปตามชุดข้อเสนอแนะว่าด้วยเรื่องการทําการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในเด็กและนําไปสู่ข้อเสนอแนะด้านนโยบายในอนาคต

รายงานมาตรการภาษีเกลือและโซเดียมในประเทศไทย

Title: รายงานมาตรการภาษีเกลือและโซเดียมในประเทศไทยAuthors: พเยาว์ ผ่อนสุขIssue Date: มีนาคม 2562Publisher: แผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการ เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ (FHP) Abstract การบริโภคเกลือและโซเดียมที่มากเกินความจําเป็นส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทําให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือโรค NCDs (เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง) ซึ่งเป็นสาเหตุสําคัญในการเสียชีวิตของประชาชนไทย หลายหน่วยงานมีความพยายามในการดําเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคโซเดียม ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชาหรือ 5 กรัม) จากข้อมูลการบริโภคอาหารของประชาชนไทย พบว่าอาหารที่มีโซเดียมสูงที่ประชาชนนิยมรับประทานมากที่สุด อันดับ 1 คือ บะหมี่กึ่งสําเร็จรูปซึ่งประชาชนจะบริโภคโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ซองต่อสัปดาห์ข้อมูลจาก World Instant Noodles Association ในปีพ.ศ. 2560 ระบุออกมาว่า การบริโภคบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปของคนในทั่วโลกจะมีตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 13.3 ชิ้นต่อคนต่อปี สําหรับประเทศไทย อยู่ที่ 49 ชิ้นต่อคนต่อปีประชาชนส่วนมากนิยมใช้เครื่องปรุงรสต่าง ๆ [...]

ชุดความรู้ การสื่อสารการตลาดอาหารโรงเรียน

Title: ชุดความรู้ การสื่อสารการตลาดอาหารโรงเรียนAuthors: -Issue Date: กันยายน 2558Publisher: สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) Abstract อุตสาหกรรมอาหารที่เข้ามาทำการสื่อสารการตลาดอาหารและเครื่องที่มีน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูงในโรงเรียนมากที่สุด จะเป็นอาหารประเภทขนมหว่ร เช่น ไอศกรีม เบเกอรี่ เช่น ขนมปัง และเครื่องดื่มทีมีรสหวาน เช่น เครื่องดื่มมอลต์รสช็อกโกแลต ในขณะที่รอบรั้วโรงเรียนมีการสื่อสารการตลาดฯ ด้วยการโฆษณา เช่น ป้ายผ้า โปสเตอร์ ประเภทเครื่องดื่มรสหวาน ได้แก่ น้ำอัดลม ชาเขียว มากที่สุด และกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดฯ ที่อุตสาหกรรมอาหารใช้กับโรงเรียน
1 34 35 36 37 38 40